“3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” จัดยิ่งใหญ่ 9 ก.พ.นี้

สมาคมนักข่าว ช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงานใหญ่ มอบรางวัลสุดยอดนักกีฬาในช่วง 30 ปี “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” วันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ช่อง7 HD ถ่ายทอดสด

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมประเกียรติฯ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก สมาคมผู้รายงานข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวการจัดงานครบรอบ 30 ปีการก่อตั้งสมาคมผู้รายงานข่าวช่างภาพกีฬา มอบรางวัลให้กับนักกีฬาทรงคุณค่าในช่วง 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ในชื่องาน “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยว และกีฬาเป็นประธาน และ นายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่หารือ รมว.การท่องเที่ยวแล้วก็กีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท., ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, นางนวลพรรณ ล่ำซำ CEO บมจ.ประเทศไทยประกันภัย, นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวคนถ่ายรูปกีฬาฯ, นายสุรศักดิ์ ณ นคร อุปนายกสมาคมฯ ในฐานะประธานจัดงาน, นายศิริ สาระผล บรรณาธิการฝ่ายข่าวกีฬา สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 HD, “ศุภักษร” นายศุภวัฒน์ จงศิริ ผู้กำกับการจัดงาน รวมทั้งผู้สนับบสนุน แล้วก็คณะกรรมการสมาคมฯ และก็สื่อมวลชน เข้าร่วมงานมากมาย โดยงานจะจัดในวันพฤหัสบดีที่ 9 เดือนกุมภาพันธ์นี้ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ (ชั้น 3) ช่อง 7HD ถ่ายทอดสดเวลา 13.00-15.45 น.

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณสมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญกับการจัดงานรำลึก นึกถึงคุณงามความดีของนักกีฬา รุ่นเก่าๆในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่มีการจัดมาก่อนแล้ว การจัดงาน 3 ทศวรรษนี้ มั่นใจว่าจะมีผลให้เยาวชน แฟนกีฬารุ่นใหม่ ได้รู้จักนักกีฬาที่เคยสร้างชื่อให้ประเทศไทย ในยุคก่อน ๆ มากขึ้น เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการรักการเล่นกีฬา รักการออกกำลังกายมากขึ้น ในนามของกระทรวงฯ พร้อมให้การสนับสนุน กิจกรรมดีๆมีคุณค่าของสมาคมฯ อย่างเต็มที่ และก็ขอเชิญชวนประชน แฟนกีฬาทั่วๆไปร่วมงาน รวมทั้งชมการถ่ายทอดสด เพื่อกำลังใจนักกีฬาของไทยด้วย

ขณะที่ ดร.ก้องศักด ยอดมณี กล่าวว่า กกท. รู้สึกภาคภูมิใจที่สมาคมนักข่าวคนถ่ายรูปกีฬาฯ ให้ความสนใจ ให้ความสำคัญกับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ โดยเฉพาะนักกีฬายุค 20-30 ปีก่อน ที่บางคนไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นผลงาน กลับมาขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรติ เป็นเกียรติประวัติกับชีวิตนักกีฬา ซึ่ง กกท.หวังว่า สมาคมฯ จะจัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้นมาอีก

ส่วน ดร.สุปราณี คุปตาสา กล่าวว่า งาน “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” ของสมาคมฯ คราวนี้

กองทุนฯ รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ร่วมสนับสนุนภาคเอกชน สนับสนุน งานที่ทรงเกียรติครั้งยิ่งใหญ่กับนักกีฬา ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของกองทุนฯ ที่พวกเราให้การสนับสนุน กิจกรรมกีฬามากมายอยู่แล้ว

นางนวลพรรณ ล่ำซำ เปิดเผยว่า พวกเราเป็นภาคเอกชน ที่ให้การสนับสนุนกีฬามาเป็นเวลานาน อีกทั้งในส่วนการสนับสนุนกีฬาประเภทต่าง ๆ รวมทั้วตัวเองก็เป็นผู้จัดการ ฟุตบอลทีมชาติไทย ที่พึ่งความแชมป์อาเซียน 2022 ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมทั้งการทำทีมฟุตบอลการท่าเรือ เอฟซี ในส่วนของสมาคมฯ นี้ ทาง บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนมาช้านาน ทั้งด้านทุนการศึกษาบุตรธิดาสื่อมวลชน, กิจกรรมของสมาคมตลอดมา สำหรับงาน 3 ทศวรรษ สมาคมฯ แป้งก็ต้องขอขอบคุณสมาคมฯ ด้วย ที่ให้เกียรติ ประเทศไทย ประกันภัย เป็นหนึ่งในผู้ผลักดันและสนับสนุน ก็ขอให้งานลุวงไปด้วยดี

ทางด้าน นายไพฑูร ชุติมากรกุล เปิดเผยว่า นับว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่สมาคมฯ ที่ตั้งโดยสื่อมวลชนรุ่นพี่ๆในปี 2535 และก็มีการดำเนินกิจกรรมสมาคมฯเพื่อช่วยเหลือสมาชิกฯ ทั้งด้านทุนการศึกษา, การช่วยเหลือด้วยเจ็บป่วย แล้วก็กิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย จนถึงปี 2565 ก็ครบ 30 ปี หรือ “3 ทศวรรษ” การก่อตั้งสมาคมฯ พอดี ทางคณะกรรมการสมาคมฯ จึงมีมติเห็นดีเห็นชอบด้วยกัน ที่จะจัดงานมอบรางวัล ให้กับนักกีฬาในทศวรรษต่าง ๆ ในชื่องาน “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” เพื่อเป็นการรำลึกถึงผลงานของนักกีฬารุ่นต่าง ๆ โดยยิ่งไปกว่านั้นรุ่นก่อน ๆ ที่เด็กรุ่นใหม่จำนวนมากเกือบจะไม่รู้จัก และก็เป็นการให้เกียรติ ให้ความสำคัญกับนักกีฬาประเภทต่าง ๆ ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เวลาส่วนตัว ไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศมากมาย สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการยกย่อง

ส่วนนายสุรศักดิ์ ณ นคร เปิดเปิดเผยว่า การมอบรางวัล 3 ทศวรรษ แยกเป็นทศวรรษแรก พ.ศ. 2535-2545, ทศวรรษที่ 2 พ.ศ. 2545-2555 และก็ทศวรรษที่ 3 พ.ศ. 2555-2565 นั้น ทางคณะกรรมการสมาคมฯ แบ่งรางวัลเป็น 3 ทศวรรษ ทศวรรษละ 10 รางวัล รวม 30 รางวัล โดยจะเลือกสรร ทศวรรษละ 10 คน ที่มีผลงานโดดเด่นอีกทั้งกีฬาสมัครเล่นและก็กีฬาอาชีพ และก็พิเศษอีก 2 รางวัล

สำหรับงาน “3 ทศวรรษ” นี้ สมาคมฯ ได้ติดต่อ “ศุภักษร” นายศุภวัฒน์ จงศิริ ผู้กำกับภาพยนต์มีชื่อเสียง รวมทั้งยังเป็นผู้กำกับการจัดงานแสง สี เสียง มากมาย แล้วก็พิธีเปิด-ปิดกีฬาระดับนานาชาติ, กีฬาแห่งชาติ ที่ได้รับการยอมรับถึงความยิ่งใหญ่ อลังการ เข้ามาควบคุมงาน “3 ทศวรรษ” ของสมาคมฯ ด้วย อีกทั้งการแสดง แล้วก็เพลง 3 ทศวรรษที่ร้องโดย “โป่ง หิน เหล็ก ไฟ” ทำให้เรามั่นใจงานจะออกมายิ่งใหญ่ สมเกียรติกับการก่อตั้งสมาคมฯมาแล้ว 30 ปี

รางวัลแยกเป็นประเภทของรางวัล ดังนี้

1.สมาคมกีฬาแห่งทศวรรษ Sport Association of the Decade
2.บุคคลสำคัญแห่งทศวรรษ The Person of the Decade
3.ทีมกีฬาแห่งทศวรรษ Team of the Decade
4.นักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ The Profession Player of the Decade
5.ผู้จัดการทีมแห่งทศวรรษ The Manager of the Decade
6.ผู้ทำชื่อเสียงในเวทีกีฬาสากลแห่งทศวรรษ The Man of the Decade
7.นักกีฬาตัวอย่างแห่งทศวรรษ The Idol of the Decade
8.นักกีฬายอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ The Gloden Player of the Decade
9.สุดนักกีฬาแห่งทศวรรษ The Icon of the Decade
10.วินาทีความทรงจำแห่งทศวรรษ The Moment of the Decade

ประเภทของรางวัลพิเศษ
1.รางวัลที่สุดแห่งความทรงจำ The Forever Memory of the Decade
2.รางวัลเกียรติยศแห่งทศวรรษ The Greatest Honour of the Decade

นายศิริ สาระผล กล่าวว่า ช่อง 7 HD ต้องขอบคุณสมาคมฯ ที่ให้เกียรติช่อง 7 HD รับหน้าที่ถ่ายทอดสด งาน “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” ซึ่งเป็นงานเกียรติยศของสุดยอดนักกีฬา ในช่วง 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมา การถ่ายทอดสดครั้งนี้ ช่อง 7 HD ก็เตรียมทีมงานมืออาชีพไว้แล้ว เพื่อให้ภาพ แสง สี เสียง ที่ออกมาเป็นที่ประทัยใจของแฟนกีฬาทั่วประเทศ โดยจะถ่ายทอดสดช่วงเวลา 14.00-15.45 น

‘จตุพร’ ย้อนแสบ ‘ทักษิณ’ ท่านก็หมา ถ้านับบรรดาศักดิ์ของหมู่หมาก็เป็น ‘จ่าฝูง’

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน แล้วก็อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เชื่อมั่น…ประชาชน” โดยนายจตุพร กล่าวว่า ตนกับ ทักษิณ รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2527 เมื่อครั้งทักษิณ เป็นหัวหน้าพลังธรรมวันแรก จากนั้นร่วมเดินสายการเมืองด้วยกันมา 30 ปี แม้ตนคิดเอาแต่ตนเองและเอาประโยชน์ส่วนตน แล้วจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย แม้ทักษิณบอกสาธารณะ จะให้เป็น รมต. แต่ไม่ได้ ตนก็ยังอยู่และไม่คิดถึงกรณีนี้

เหนืออื่นใดแล้ว การต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมามีความตายมากมาย ตำแหน่ง รมต. เป็นหัวโขนเล็กมาก เมื่อเทียบกับความตายของประชาชน กระทั่งถึง พรรคเพื่อไทยจะออก พรบ.สุดซอย ตนรับได้ยากมาก เพราะว่าต้องการให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนที่กำลังติดคุก แต่รัฐบาลไม่ยอมออกพระราชกำหนด (พรก.) กลับมาออกเป็น พรบ. แทน แล้วไปแปลงสาร ขยับเพิ่มให้นิรโทษกรรมแกนนำรวมทั้งพ่วงคดีทุจริตเพื่อให้เป็นประโยชน์กับทักษิณได้กลับบ้าน

สิ่งจำเป็น ตนทักทวงว่า ถ้าเกิดนิรโทษฯ นอกเหนือประชาชนแล้ว มันจะล้มครืนลง แล้วประชาชนจะติดคุก และจะไม่มีโอกาสอีกเลย เขาก็ไม่ฟัง แล้วไปกล่าวที่ประเทศนอร์เวย์ว่า ตนไม่ต้องการให้ทักษิณกลับบ้าน ทั้งยังที่ในวงพูดคุยยุทธศาสตร์ของพรรคมีรองนายกฯ แล้วก็ รมต. และก็ พี่เปียมองเห็นด้วยกับตนว่า อย่าเอาเรื่องคนอื่นนอกจากประชาชนมา หากเอาทักษิณกลับบ้านต้องทำวาระอื่น แต่วาระนี้ต้องตอบแทน ประชาชน ส่วนที่ตายและก็บาดเจ็บเอาชีวิตและก็ร่างกายกลับคืนมาไม่ได้ แต่คนกำลังสูญเสียอิสระ นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้น แล้วท่านก็โกรธ

“ผมอยากถามทักษิณว่า ตอนทำเรื่องนิรโทษฯ สุดซอย มีใครไปพบท่านแล้วอยู่กับท่าน ในวงการเขานินทากัน มีเครื่องบินปลิวกันเป็นลำ แต่ทั้งหมดเมื่อไปไม่ได้ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากล่าวที่หลังว่า เมื่อไปไม่ได้ก็รู้สึกว่าจะกลับมาได้ วันนั้นผมจิตใจสลาย เพราะเหตุว่า จะไม่มีเหตุการณ์ชุมชนของประชาชนเต็มถนนหนทางเลยถ้าหากเอาเฉพาะประชาชน แต่ไม่ไพเราะมองเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว”

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ ทักษิณ พูดว่า ช่วง 16 ปีท่านก็ถูกเห่า

นับตนเป็นตัว และก็ตั้งชื่อนางแฝงให้ ตนเองว่า ถูกเห่า ท่านพูดว่าไม่ต้องมาฟังตน ให้ใช้น้ำยาล้างหูไป ก็พยายามเลี่ยง แล้วใช้ถ้อยคำว่า ถูกเห่ามา 16 ปี 2-3 ตัวรวมทั้ง บางตอนก็ 4-5 ตัว มีการนับเป็นตัว เขาบอกภาษาไทย ไม่แข็งแรง แล้วหัวเราะกันสนุกสนาน

“ผมกับนายกฯทักษิณ ปราศรัยเวทีเดียวกัน มาในช่วงอยู่ประเทศไทย รวมทั้งผ่านวีดีโอลิงค์ ต่างกรรมต่างวาระกัน มายาวนานที่สุด ถ้าเกิดการพูดของผมเป็นการเห่า บนเวทีนี้ท่านก็ร่วมเห่ากับผมด้วย ถ้าเกิดผมหมา ท่านก็หมา ท่านอาจเป็น จ่าฝูง หากนับบรรดาศักดิ์ของหมู่หมาด้วยกัน”

นายจตุพร ย้ำว่า หากหลักคิด ของทักษิณมองผู้ร่วมต่อสู้ด้วยกันเป็นหมา เป็นตัว แล้วหลีกเลี่ยง การตอบความจริง ฉะนั้นท่านต้องคิดช้า ๆ ว่า สิ่งที่ท่านดำเนินการทั้งหมดไปนั้น ถ้าหากตรงไปตรงมา กับประชาชน และก็ไม่พูดถึงตนในทางเป็นเท็จและก็เกิดความเสียหายในช่วงนี้ แล้วตนจะมาพูดเรื่องนี้ในช่วงนี้เพราะเหตุไร

นอกนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าตนคิดถึงผลประโยชน์แล้วจะอยู่กับท่านได้อย่างไร เพราะเหตุว่า ท่านคิดคดตนตลอดเวลา พูดปดซ้ำซากจำเจ โป้ปดมดเท็จแล้วโกหกใหม่ซ้ำกันไปซ้ำกัน อย่างไรก็ตาม ตนต้องไปก่อนการยึดอำนาจ เพราะว่าหักกันเรื่องนิรโทษฯ สุดซอย อีกทั้งเรื่องส่วนตัวก็โป้ปดมดเท็จ และทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลง ไม่ว่าเรื่องลงนามรับรองศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) แล้วก็เรื่องแก้ รธน. และก็การคดโกงฉ้อราษฎร์บังหลวง

รวมถึงย้ำว่า ตนกล้ำกลืน ต้องการรักษาความรู้สึกของพี่น้องเสื้อแดง ด้วยเหตุว่าเขาตาย เขาเจ็บ หลังการสลายชุมนุม (ปี 2553) ตนตระเวณทุกพื้นที่ท่ามกลางความตาย แต่ทักษิณเสนอให้หนี แต่ตนไม่หนี ซึ่งขณะนั้นเสื้อแดงรวมทั้ง พรรคเพื่อไทยตกต่ำที่สุด เราก็พากันพลิกฟื้น รวมทั้งชีวิตตลอดเส้นทางนั้น ถ้าตนจะเอาตัวรอด ก็ต้องเอาตัวรอดแล้ว แต่เพราะเหตุไรตนจึงลุกขึ้นสู้ต่อ

“ตลอดเวลาที่ท่านหักหลังผมนั้น ถ้าผมคิดเรื่องส่วนตัว ผมจะมาสู้ที่อักษะต่อหรือ? กระทั่งกระทั่งมามองเห็นมีการสมคบคิด ในเรื่องการรัฐประหาร ทักษิณไม่รู้ดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 2553 หรือ? รวมทั้ง (ยิ่งกว่าสิ่งใด) ชัยชนะที่ประชาชนแลกเปลี่ยนชีวิต ด้วยเลือดเนื้อมาให้นั้น เป็นการแบกความหวังไว้ทั้งสิ้น

นายจตุพร กล่าวว่า ในเรื่อง ICC ก็ไม่กล้ารับ เนื่องจากว่ากลัว พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดอำนาจ แล้วท้ายที่สุดมา สลายคนเสื้อแดง เพื่อไปพึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่การชุมนุมตกลงแบ่งกันทำงาน เสื้อแดงคุมเวที พรรคเพื่อไทยจัดระดม ประชาชนมาชุมนุม แล้ววันหนึ่งจากคนเป็นหมื่น แล้วมาเหลือหลักร้อยจะให้คิดกันว่าอย่างไร กระทั่งวันที่ 21 เดือนพฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ เรียกเจรจา แล้ว 22 เดือนพฤษภาคม 2557 ก็ยึดอำนาจ

อย่างไรก็ตาม ตนยังบากหน้ากล้ำกลืน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ตนยังวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกนำตัวไปปรับทัศนคตินับไม่ถ้วน แล้วก็เป็นแกนนำคนเดียว ที่ถูกถอนประกัน อยู่ในคุกติดเชื้อในกระแสเลือดเกือบตาย ออกจากคุกจะมีการตัดสิน คดีจำนำข้าว ก็เอาตนเข้าคุกด้วยคำตัดสิน ของศาลฎีกาอีกทั้งที่ศาลชั้นต้นรวมทั้งอุทธรณ์ยกฟ้อง เมื่อออกคุกมาก็ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ในนานไทย ไม่ทนก็ถูกขังคุกอีกในคดีเดิมที่ปล่อยตัวมาแล้ว ทั้งยังเดือนหน้า (ก.พ.) ตนก็จะถูกคดีฟ้องยึดบ้าน และก็ล่าสุดจะถูกฟ้อง เพิ่มเติมคดีจากเหตุการณ์เมื่อ 14 ปีที่แล้ว

“ถ้าหาก 8 ปีนี้ ผมเอาแค่เพียงที่ท่าน (ทักษิณ) หักหลังผม ไปแสวงหาผลประโยชน์ กับรัฐบาล คสช. ผมก็ไม่ต้องติดคุก ผมก็ไม่ต้องลำบาก ผมก็ไม่ต้องมีคดีมากมาย เพราะเหตุว่าพวกเรายืนหลักในความถูกต้องตลอดเวลา ทั้งยังฝ่ายเดียวกันไปทำผิดพลาด ผมก็กล้ำกลืน หากผมคิดประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ผมจะอยู่แบบนี้หรือ?”

อีกอย่าง การต่อสู้ของพวกเราเป็นมาตลอด นั่งจัดรายการต่าง ๆ เพื่อต้องการหยุดอำนาจ 3 ป. ออกไปชุมนุมในนามคณะหลอมรวม ประชาชนก็เพื่อหยุดอำนาจ 3 ป. เพื่อหาทางออกให้ประเทศไทย แล้วมีเรื่องอะไร ไปสกัดแลนด์สไลด์ของทักษิณ

พร้อมกล่าวว่า ท่านรู้หมดว่า ใครคุยอะไรกับใครที่อยู่ประเทศไทย คนไปคุยกับท่านที่ประเทศนอก ตนก็รู้หมดเหมือนกัน ในประเทศไทยด่ากันเกือบตาย ในช่วงทำศึก อะไรก็ใช้ไม่ได้ ไอ้นี่เหล่านี้ ไอ้นั่นพวกนั้น ออกเสียงเสร็จไอ้พวกนี่และคนพวกนั้นไปพบท่าน แวดล้อมไปหมด มันตำตาตนทั้งหมด

“ผมต้องการจะบอกนายกฯทักษิณ ที่ท่านบอกถูกเห่า ผมจะบอกท่านว่า ถ้าเกิดผมหมา ท่านก็คือหัวหน้าหมา แล้วเราพูด ภาษาหมากันมานานแล้ว หมามันมีคุณสมบัติข้อหนึ่ง (นิ้วเคาะโต๊ะเสียงดัง) คือเรื่องความสุจริต ท่านยังเป็นหมาไม่ได้เลย หรือเป็นหมาที่ใช้ไม่ได้ ด้วยเหตุว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น คือความซือสัตย์ระหว่างกัน เนื่องจากแลกเปลี่ยนชีวิตแล้วก็ตายได้ตลอดเวลา ถ้าหากเห็นแก่ตัวก็ต้องหนีตามท่านสิ ประเพณีนี้เมื่อหัวหน้าหนีก็จะดี เมื่อผมไม่หนีก็เป็นตัวแปลกอยู่แล้ว”

นายจตุพร กล่าวว่า ที่ไม่หนีเพราะต้องการทวงความยุติธรรม

ให้ประชาชนที่ตาย แล้วก็เดินทางทักทายแลกชีวิตมาตลอด แต่หลายคนที่ถูกท่านประณาม ดูถูก ในไทยก็ไปเจอท่านที่ต่างประเทศ ด้วยเหตุนั้น เหตุที่ไม่ตอบ ทักษิณก็อธิบายได้ อย่าอ้างเรื่องกฎหมายหมิ่นประมาท แต่มีข้อเท็จจริงมันปรากฎด้วยคำกล่าวมาแล้ว อีกทั้งเรื่องเสียงปืนนัดแรกดังจะกลับมา แต่เสียงปืนผ่านไปสองแสนนัด ประชาชนตายเป็นร้อยศพท่านก็ไม่กลับมา

นอกเหนือจากนั้น ทักษิณยังพูดถึงพายเรือไปส่ง เสื้อแดงไม่ต้องตามมา ด้วยเหตุว่าการบอกแบบนี้เป็นการแลกกับข้อจำกัด จะได้กลับบ้าน เพราะเหตุว่าท่านคุยกับตนเองจำได้หรือไม่ ฉะนั้น ทุกอย่างท่านยอมแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา รวมทั้งรู้ดีว่าท่านทำอะไรได้บ้าง อีกอย่างก็รู้ว่า ตนไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยดีนักหรอก

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมาด้อยค่าตน เย้ยดูถูกดูแคลนเป็นคนทรยศ หักหลัง ทั้งที่ทักษิณเป็นคนหักในการต่อสู้ตลอดเวลา ถึงแม้ท่านรับปาก ประกาศให้ได้ยินกันทั่วๆไป แต่คนที่รักกันอย่างหน้ามืดตามัวก็กล่าวว่า ทักษิณบอกผิดสักกี่ครั้งก็ได้ เหมือนบอกกลับบ้านปี 2565 ไม่ได้กลับก็บอกเป็นเรื่องระบบฟอกเลือด ท่านก็ไปของท่านอีก

“ท่านหลีกหลีกเลี่ยงตอบว่า จะประสานมือกับพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ ก็มากล่าวในประเด็นว่า เรื่องจะกลับประเทศไทยจะไม่ออกกฎหมาย จะไม่เกี๊ยะซียะ (รอมชอม) กับพลังประชารัฐ และก็ไม่ใช้ พรรคเพื่อไทยด้วย ผมต้องเรียกไปยังนายกฯ ทักษิณว่า ผมได้ยินมาอยู่แล้ว หลายวันที่ผ่านมาคงจำกันได้ ผมว่ามันมีดีล (ข้อตกลงลับ) หนึ่ง ซึ่งเป็นดีลที่ไม่ควร และก็ไม่สมควรจะดีล และก็ไม่มีวันจะเป็นไปได้อีก รวมทั้งนี่หนักกว่าสุดซอย ด้วยเหตุว่าหนึ่งเป็นเรื่องไม่ควร สองยิ่งกว่าการลักหลับ และก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ แต่ผมขอไม่อนุญาตอธิบายความ”

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ทักษิณ ต้องคดีถึงที่สุดแล้ว แต่คดีหลังไม่มีอายุความ มีคำพิพากษารวมโทษประมาณ 12 ปี ด้วยเหตุนั้น ในทางกฎหมาย เมื่อทักษิณกลับไทยต้องถูกจับตัวส่งศาล แล้วเข้าคุก แต่มีข้อเท็จจริงบ้างประการว่า มีดีลพิเศษ แต่ไม่มีวันเป็นไปได้ ด้วยเหตุว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และตอนสุดซอยที่ใช้ลักหลับแต่ครั้งนี้จะลักหลับของจริง ที่อธิบายเรื่องนี้ ด้วยเหตุว่าตนพยายามหลีกหลีกเลี่ยงถ้อยคำภาษา

ยิ่งกว่านั้น ดีลพิเศษนี้ ความเป็นจริงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องแลนด์ สไลด์ของพรรคเพื่อไทย หลายคนพยายามตั้งคำถามว่า จู่ๆมาบอกเรื่องนี้ไปรับงานใครมา ทั้งยังที่สุดทนมาตั้งแต่ถูกหลอกใช้ให้ไปหาเสียงช่วยพรรคเพื่อชาติเมื่อปี 2562 ส่วน นปช.อีกกลุ่มก็แยกไปช่วยพรรคไทยรักษาชาติ แล้วมาล่าสุดการเดินสายหาเสียงช่วย นายก อบจ เชียงใหม่ ก็ขาดสะบั้น ใจสลายเลย

“เราอยู่ท่ามกลางความปวดอยู่แล้ว ถ้าไม่มาดูแคลน ผมก่อน โดยหยามว่า ไปรับงานใครมา แล้วผมก็ตอบกลับด้วยตรรกะเดียวกับทักษิณไปพูดที่ฮองกงนั้นว่า ท่านไปรับงานใครมาที่มาดูแคลนผม แต่ท่านไม่เข้าใจว่า มนุษย์ยอมตาย แลกชีวิตกันได้มันมีเรื่องศักดิ์ศรีของมันอยู่ ดูถูกหลายหนกระทั่งได้ใจ ไม่นึกว่าสักวันหนึ่งมันจะทนไม่ได้เอานะ

“เมื่อมาเหยียบอีก บ้วนน้ำลายใส่ ก็สุดทนเลย ทั้งที่ถูกดูถูกดูหมิ่น ทำอยุติธรรมกับผมมานานแล้ว และก็ที่สำคัญที่สุดไม่ยุติธรรมกับประชาชนมานานแล้ว และก็ใครมันจะทนได้ หักหลังกันตลอดทางมา 30 ปีตั้งแต่คบกัน”

นายจตุพร ย้ำว่า วันนี้ไม่ได้รับงานใครมา

ถ้าเกิดทักษิณไม่พูดถึงตนก่อนในลักษณะที่ดูแคลุกลน เรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่ออกมาบอก แต่ไม่ตอบโต้ กลับใช้แนวทางกระแนะกระแหน อธิบายแออัดยัดเยียดว่า รับงานใครมา แล้วตนจะติดคุกหรึอ? เข้า ๆ ออก ๆ คุกมีคดีความมากมายกว่าแกนนำทุกคน

นายนิติธร กล่าวว่า เข้าใจรู้สึกรวมทั้งทราบถึงเรื่องราว ก็เลยเข้าใจมากขึ้นว่า เพราะเหตุใดเพื่อไทย-ทักษิณ ไม่ออกมาตอบโต้ เป็นเนื่องจากกล้วความจริงจะหลั่งไหล ออกมามากมาย เพราะฉะนั้น ทักษิณจึงต้องเบียงเบนไปทางเยาะดูแคลนเท่านั้น

พร้อมกับกล่าวว่า ที่ฟังมานั้น การที่นายจตุพร ไม่หนีคดีจึงก่อปัญหา กับตนเอง เนื่องจากว่าทักษิณหนี คดีจึงต้องการให้ทุกคนหนีหมด ไม่ต้องการให้ใครมายึดโยงประชาชน และไม่ต้องการให้ทราบในสิ่งที่เขาทำกับประชาชน

“พอไม่หนีคดี แล้วไปอ้างต้องดูแลประชาชน มันก็เลยทำให้ความรู้สึกประชาชนต้อง แบกน้ำหนัก แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นคู่แค้นและก็เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก รวมถึงหนักใจกับคดีชุมนุม”

ถึงเวลาช็อป! 5มิดฟิลด์ เหมาะมาเป็นทายาทเฮนเดอร์สันที่ หงส์แดง

เปิดรายชื่อ 5 มิดฟิลด์ที่ หงส์แดง ควรพิจารณาคว้าตัวมาร่วมทีมเพื่อเข้ามาชดเชย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในระยะยาว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กลายเป็นข้อสำคัญในการพา ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จอย่างมากตลอดไม่กี่ปี ที่ผ่านมาในฐานะกัปตันทีม โดยไม่เพียงแต่เป็นผู้นำที่เยี่ยมยอดเท่านั้น แต่ผลงานในสนามของเขาสร้างอิมแพ็คต่อทีมได้เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็และก็ตามด้วยวัย 32 ปี

สภาพร่างกายเขาเริ่มโรยราลงไปและผ่านช่วงสูงสุดในอาชีพการค้าแข้งไปแล้ว ทำให้ หงส์แดง จำเป็นจะต้องต้องเร่งหากองกลางรายใหม่เข้ามาตอบแทนแล้ว แล้วก็นี่คือ 5 มิดฟิลด์ที่เหมาะเข้ามาเป็นตัวแทนของ เฮนโด้ ในอนาคต 5.อิบราฮิม ซ็องกาเร่ (พีเอสวี) ซ็องกาเร่ โชว์ฟอร์มได้อย่างเด่นให้กับ พีเอสวี นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ตูลูส ในปี 2020 โดยนอกเหนือจากตัดเกมในแดนกลางได้อย่างเยี่ยมยอดแล้ว เขายังมีทีเด็ดอยู่ที่การสอดขึ้นไปทำประตูได้ดีด้วย โดยในซีซั่นนี้เขายิงได้ถึง 6 ประตูจาก 26 เกมรวมทุกรายการ มิดฟิลด์ทีมชาติไอวอรี่โคสต์เคยมีข่าวสารเชื่อมโยงกับลิเวอร์พูล ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปีก่อนแต่สุดท้ายดีลดงกล่าวก็ไม่ได้เกิดขึ้น 4.โซฟียาน อัมราบัต (ฟิออเรนติน่า) อัมราบัต มีข่าวสารเกี่ยวโยงกับ หงส์แดง รวมทั้งอีกหลายสโมสร หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างดีเลิศในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่พึ่งปิดฉากลงไป โดยเจ้าตัวมีส่วนสำคัญ ช่วยทีมชาติโมร็อกโก ไปไกลถึงรอบรองชนะ แล้วก็จบด้วยการคว้าอันดับสี่ของทัวร์นาเมนต์ มิดฟิลด์ทีมชาติโมร็อกโก เป็นมีสไตล์ที่แข็งแกร่ง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร ซึ่งเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะย้ายมาเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก ปัจจุบันนี้ อัมราบัต เหลือสัญญากับ ฟิออเรนติน่า ถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2024 ซึ่งแม้ “ม่วงมหากาฬ” พร้อมมอบสัญญาฉบับใหม่ให้นักเตะ แต่เชื่อว่า ข้อเสนอระดับ 40 ล้านยูโร คงจะเพียงพอที่จะก่อให้ ฟิออฯ ยอมปล่อยตัว อัมราบัต ออกจากทีมใน 3.มอยเซส ไคเซโด้ (ไบรท์ตัน) ลิเวอร์พูลตกเป็นข่าวกับมิดฟิลด์ ชาวเอกวาดอร์มาตั้งแต่ ช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว แล้วก็มีแถลงการณ์ว่าพวกเขายังคงตั้งเป้าที่จะคว้าตัวดาวเตะวัย 21 ปีรายนี้เข้ามาให้ได้ ไคเซโด้ ถือเป็นนักเตะที่ครบถ้วนบริบูรณ์สุด ๆ เป็นสไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่วางบอลยาวได้อย่างแม่นยำ ซึ่งทำให้เขาสามารถสร้างประโยชน์ในการเล่นเกมสวนกลับอย่างเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ทางต้นสังกัดอย่าง ไบรท์ตัน ไม่ได้มีแผนที่จะปล่อย ไคเซโด้ ออกจากทีมในเดือนนี้ ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่า “เดอะ ซีกัลส์” ตั้งค่าหัวไว้ที่ประมาณ 45 ล้านปอนด์ และก็ทำให้ลิเวอร์พูล อาจต้องไปลุ้นเอาในช่วงซัมเมอร์นี้แทน 2.มาเธอุส นูเนส (วูล์ฟแฮมป์ตัน) มิดฟิลด์ชาวโปรตุกีสเคยมีข่าวเชื่อมโยงกับลิเวอร์พูล มาแล้ว ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะย้ายมาอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามมีแถลงการณ์ว่าทีม ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ พร้อมออกไล่ล่าตัวมาร่วมทีมอีกครั้ง หลังจากนักฟุตบอลรายนี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการมาชดเชย เฮนเดอร์สัน โดยเล่นได้ทั้งเกมรุกและรับ จ่ายบอลได้ดี พร้อมการอ่านเกมที่เด็ดขาด 1.จู๊ด เบลลิงแฮม (ดอร์ทมุนด์) เชื่อว่าชื่อของ เบลลิงแฮม น่าจะเป็นแข้งที่แฟนหงส์ โปรดมากที่สุดแล้ว โดยที่ลิเวอร์พูล ก็มีข่าวสารเกี่ยวพันกับดาวเตะ ทีมชาติอังกฤษมาอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญเจ้าหนูจู๊ด ก็เคยเล่นด้วยกันมาแล้วในนามทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมาด้วย ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่ที่ดาวเตะวัย 19 ปีย้ายจาก เบอร์มิงแฮม ไปอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ เขาก็พัฒนาฝีเท้ากระทั่งกลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ระดับต้น ๆ ของยุโรปไปแล้ว รวมทั้งไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเขาได้ย้ายมาอยู่กับ “หงส์แดง” น่าจะเข้ามายกระดับแดนกลางของทีม พร้อมชดเชย เฮนเดอร์สัน ได้แบบไร้ข้อสงสัย

สื่อดังเผย หงส์แดง ทีมเต็งซิว จูด เบลลิงแฮม เสริมทัพตลาดซัมเมอร์นี้

สื่อดังรายงาน ลิเวอร์พูลคือทีมเต็งที่จะเซ็นสัญญา จูด เบลลิงแฮม กองกลาง โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ มาร่วมทีมในตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2023 สำหรับ เบลลิงแฮม กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่เนื้อหอมมากสุดในยุโรปหลังเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งกับ ดอร์ตมุนด์ รวมถึงทีมชาติอังกฤษ จากผลงานที่เกิดขึ้นทำให้แข้งวัย 19 ปีรายนี้ตกเป็นเป้าหมายเสริมทัพของบรรดาบิ๊กทีม ทั้งลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเรอัล มาดริด ขณะที่นักเตะเองก็แสดงท่าทีว่าต้องการย้ายออกจาก “เสือเหลือง” และจะไม่เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมที่กำลังจะหมดลงในปี 2024 จนล่าสุด ฟลอเรียน แพลตเทนเบิร์ก ผู้สื่อข่าวของ “สกาย เยอรมนี” เปิดเผยว่า “หงส์แดง” คือทีมเต็งในการเซ็น เบลลิงแฮม มาเสริมแกร่งในตลาดหน้าร้อนนี้ “เราทุกคนคิดว่า เบลลิงแฮม จะย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ และไม่มีทางที่ดอร์ตมุนด์ จะรั้งเขาไว้ได้ในตอนนี้” “แต่เขามีสัญญาที่ไม่มีเงื่อนไขการปล่อยตัว ดังนั้นป้ายราคาจึงสูงมาก ดอร์ตมุนด์ต้องการค่าตัวระหว่าง 100-150 ล้านยูโรสำหรับเขาในช่วงซัมเมอร์” “มีเป้าหมายอยู่สามเป้าหมายสำหรับเขา – เรอัล มาดริด, แมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในทีมเต็ง และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ผลักดันในดีลนี้ และบอกว่าเขาเป็นเป้าหมายเสริมทัพอันดับ 1 ของเขา” “คล็อปป์ ยังไม่ได้พูดคุยกับเบลลิงแฮมเป็นการส่วนตัว แต่ได้มีการพูดคุยกับ จูเลียน วอร์ด (ผู้อำนวยการสโมสร ลิเวอร์พูล) แล้ว ตอนนี้พวกเขาแค่ต้องค้นหาว่าใครเป็นคนจ่ายเงินค่าตัว”

"อัจฉริยะ" แฉหลักฐานเพิ่มอ้าง ดีเอสไอตบทรัพย์

“อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” เปิดเปิดเผยวงจรปิด ขณะที่เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ เข้าค้นห้องเช่าคอนโดหรู ของอดีตกงสุล ใหญ่ประเทศนาอูรู ย่านห้วยขวาง เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา อ้างเป็นการ ตบทรัพย์ สม่ำเสมอจากพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ

วันนี้ (23 ม.ค.2566) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือ เหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยภาพวงจรปิด ของคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง บันทึกภาพ ขณะมีชาย 3 คน อ้างถึงว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เป็นถึงระดับผู้อำนวยการ

ได้ไปแสดงตัว ต่อนิติบุคคลของคอนโด พร้อมกล่าวถึงว่า มาสืบคดีพิเศษ เพื่อขอเข้าตรวจหาห้องเช่าที่คาดว่าเป็นห้องของอดีตกงสุลใหญ่ ประเทศนาอูรู โดยไม่แสดงหมายค้น หรือ หมายจับ

ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึก เวลาได้ขณะเข้าไปตรวจค้น เวลา 17.54 น. โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที และก็กลับออกมา พร้อมกับทรัพย์สินอะไรบางอย่าง ซึ่งนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า การเข้าตรวจหาครั้งนี้ เป็นการตบทรัพย์ ต่อเนื่องมาจากพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ

นอกนั้น นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงว่า พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กลุ่มนี้ทำเป็นขบวนการ ก่อเหตุบ่อยมาก และเกี่ยวข้อง กับการปล้นบ้านชาวจีนที่ ต.หนองปรือ จ.ชลบุรี และก็มีพฤติกรรม เรียกรับสินบนจาก ธุรกิจบ่อทราย น้ำมันเถื่อน และของเถื่อน เพื่อส่งเงินให้กับ ผู้บริหารระดับค่อนข้างสูงของดีเอสไอ ซึ่งตนอยากที่จะให้มีการเข้าไปพิจารณาห้องทำงาน ของผู้บริหารของดีเอสไอด้วย

สำหรับหลักฐาน วงจรปิดดังกล่าว นายอัจฉริยะ เคยไปร้องไว้ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในความผิด ด้วยกันลักทรัพย์ ในเวลากลางคืน และก็ ด้วยกันบุกรุก ซึ่งจะต้องประสาน ให้ตำรวจ สถานีตำรวจทุ่มหาเมฆ ส่งข้อมูลให้ ตำรวจ สน.ห้วยขวางในการดำเนินคดีถัดไป

สั่งพักราชการ 5 ดีเอสไอ ตบทรัพย์ ชาวจีนปลอมพาสปอร์ต ขณะค้นบ้านพัก กงสุลใหญ่นาอูรู

โฆษกดีเอสไอ เปิดเผย คำสั่ง พักราชการ 5 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชุดปฏิบัติการร่วมคดี ค้นบ้านพักกงสุล ใหญ่นาอูรู ถูกกล่าวหา ตบทรัพย์แลกเปลี่ยน ปล่อยตัวแก๊งจีนปลอมพาสปอร์ต ขณะรอง ปลัดกระทรวงยุติธรรม แจง เหตุผลย้าย ‘ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์’ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบ ข้อเท็จจริง เนื่องจากมีข่าวสาร เจาะจงเจอคนใกล้ชิด เกี่ยวข้อง

นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ผู้ประกาศดีเอสไอ) ได้เปิดเปิดเผยว่า ตามปรากฏข้อข้อเท็จจริงที่มีผู้ร้องเรียนกล่าวโทษ โดยได้นำหลักฐาน การตรวจค้นจับของเจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

มีการยักยอกเงินของกลาง และเรียกรับ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัว ชาวจีน 11 คนที่จับได้ในบ้าน กระทั่งเป็นเหตุให้มีการออก หมายจับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวน คดีพิเศษ 5 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกจำนวนหนึ่ง ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานด้วยกันเรียก รับ หรือยอม จะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, เป็นเจ้าหน้าที่ด้วยกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ,เป็นเจ้าหน้าที่ร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือคนอื่นมิให้ต้องได้รับโทษ หรือให้ต้องโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ปกปิด เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด เป็นกรณีมีมูลว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย แล้ว

เพื่อเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)

ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 57 (10) มาตรา 101,กฎ กุมภาพันธ์ ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 ข้อ 78 รวมทั้งข้อ 81 โดยกรณีดังกล่าวเป็นเรื่อง เกี่ยวกับพฤติการณ์ อันไม่น่าไว้วางใจ ถ้าให้อยู่ในหน้าที่ ราชการถัดไปจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณา แล้วก็อาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ ก็เลยเห็นควรพักราชการเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 นายไว้ก่อน

ส่วนคำสั่ง ของนายสมศักดื์ เทพสุทิน เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ให้ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสถา บันนิติวิทยาศาสตร์ แล้วให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรวมทั้งให้รักษา ราชการแทนอธิบดีดีเอสไอนั้น

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวสาร ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ (20 ม.ค. 66) ว่า เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นมีการขยายผล ได้มีการให้ข่าวว่า จากพฤติการณ์กรณีดังกล่าวนั้น มีบุคคลใกล้ชิดกับท่านอธิบดี ท่านไตรยฤทธิ์ เข้าไปเกี่ยวข้องในเชิงประสานงาน ตรงนี้เองเนื่องด้วย ข้อสังการของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้เกิดความโปร่งใสที่สุด ซึ่งเพื่อบรรยากาศแวดล้อม

ในการวิเคราะห์ข้อเรื่องจริง ลดข้อกังวลเรื่องการให้ข้อมูล เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม ดังกล่าว 2 ท่านที่ย้ายสลับกัน ทั้งสองท่านมีประสบการณ์ ในกรมที่พึ่งย้ายไป ดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว อยู่ในกลุ่มภารกิจเดียวกัน

“ช่วงนี้ต้องให้โอกาสท่าน สุริยา ที่ได้รับมอบหมาย จากรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทินเข้าไป อาจใช้คำว่าเข้าไปปัดกวาดบ้านของพวกเราอีกทีหนึ่ง แต่ต้องกราบเรียนว่าทั้งสองท่าน ไม่ได้มีความผิดอะไรเป็นเรื่องที่มีการย้ายเพื่อความเหมาะสม” รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว

สหพันธ์มวยไทยฯ ประกาศแบนทุกชาติร่วมแข่ง กุน ขแมร์ ไทยถอนนักกีฬาลุยซีเกมส์

สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ ข่มขู่ประกาศเเบน ทุกชาติที่ส่งนักกีฬาร่วมเเข่งขัน กุน ขแมร์ Kun Khmer ศิลปะการต่อสู้ของกัมพูชา ในซีเกมส์ 2023

กรณีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 คณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา ประกาศอย่างเป็นทางการ ตัดกีฬามวยไทยออก ให้กุน ขแมร์ Kun Khmer มวยเขมรซึ่งเป็นศิลปะ การต่อสู้ของกัมพูชาใส่แข่งขันแทน โดยมีการชิงเหรียญทองถึง 17 เหรียญ ซึ่งประเทศไทยยืนยัน จะไม่ส่งนักกีฬาแข่งขัน มวยกัมพูชา Kun Khmer หลังพบว่าใช้กฎกติกามวยไทย ตัวอย่างเช่น การต่อยได้ 3 ยก และก็การออกอาวุธได้ราวกับๆกันหมด เรียกได้ว่าก็อปปี้มวยไทยในทุกรูปแบบเลยก็ว่าได้

คณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา ได้แจ้งกับสหพันธ์ กีฬาซีเกมส์เรียบร้อยแล้ว โดย กุน ขแมร์จะถูกจัดแข่งในซีเกมส์ครั้งนี้ พื้นฐานคาดว่าจะมีประเทศ เข้าร่วมการแข่งขันเพียงแต่ 3 ประเทศเท่านั้น คือ เจ้าภาพกัมพูชา , สปป.ลาว และเมียนมาร์ เพราะ 3 ประเทศนี้ไม่ได้เป็นสมาชิก IFMA

โดยกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 หรือ แคมโบเดีย 2023 ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม 2566 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีการแข่งขันถึง 608 เหรียญทอง จาก 37 ชนิดกีฬา ในส่วนกีฬามวยนอกเหนือจาก กุน ขแมร์จะมีให้ชิง 17 เหรียญทองแล้ว คิกบ็อกซิ่ง ยังชิงอีก 17 เหรียญทอง โววีนัม ชิง 30 เหรียญทอง รวมทั้ง กุน โบกาตอร์ ศิลปะการต่อสู้ของกัมพูชาอีกชนิดหนึ่ง ชิงอีก 21 เหรียญทอง ซีเกมครั้งนี้ถือว่ามีการชิงเหรียญทองมากสุดในประวัติศาสตร์

ล่าสุด สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ประกาศข่มขู่เเบนทุกชาติที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการเเข่งขันมวยKun Khmerในศึกซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศกัมพูชา โดยจะแบนไม่ให้เข้าร่วมแข่งขัน “มวยไทย” หรือ “มวย” ในอนาคตอีกต่อไป

โดยในการเเข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 32 ที่จะถึงนี้ กัมพูชา เจ้าภาพประกาศตัดมวยไทยออก ให้ “KUN KHMER” หรือ “กุน ขแมร์” เข้ามาเสียบแทน กฏกติกาทุกอย่างยังเป็นของมวยไทย นั้นทำให้ IFMA ไม่พอใจ ขู่ว่าหากชาติไหนส่งนักกีฬาเข้าเเข่งขันรายการดังกล่าวจะถูกเเบนจากทุกการเเข่งขันที่ IFMA รับรอง

ขณะที่ประเทศไทยก็ยืนยันจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมเหมือนกัน โดยสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ ยืนยันไม่รับรองกติกานี้ หากใครเข้าร่วมแข่งขันจัดว่ามีความผิด ต้องโทษแบนสถานเดียวนื่องจากทุกอย่างใน Kun Khmer ของกัมพูชา เป็นของ มวยไทย

สรุปดราม่า กัมพูชาเปลี่ยน “มวยไทย” เป็น “กุน ขแมร์” แข่งซีเกมส์ 2023

กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการกีฬาตลอดหลายวันที่ผ่านมา กับการที่ กัมพูชา ประกาศจัดแข่ง กุน ขแมร์ในศึกซีเกมส์ 2023 โดยไม่ยอมใช้ชื่อ “มวย” อีกทั้งที่กฎกติกาเช่นเดียวกันดูเหมือนจะทุกกระแทรก ทำเอาฝ่ายไทยประกาศแบนไม่ขอส่งแข่ง ขณะที่ IFMA ลั่น จะแบนทุกชาติที่ร่วมแข่งขัน
มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีกำหนดแข่งกันระหว่างวันที่ 5-17 เดือนพฤษภาคม 2566 เกิดประเด็นดราม่าที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย เมื่อฝ่ายจัดการแข่งขันเปิดเผยว่าจะไม่มีการแข่งขันกีฬา “มวย” ในการแข่งขันครั้งนี้ แต่จะจัดแข่งกีฬากุน ขแมร์ แทน โดยอ้างว่าเป็นศิลปะการป้องกันตัวของชาติเจ้าของงาน

“ตามกฎบัตรซีเกมส์ ประเทศที่เป็นเจ้าภาพของการแข่งขันสามารถกำหนดชื่อของชนิดกีฬาได้และก็คิดว่า คำว่า มวย เป็นการใช้เพื่อสื่อถึงกีฬา KICKBOXING มากกว่า” วัธ จำเริน เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา กล่าว

“เรามีจุดยืนว่าการใช้กุน ขแมร์ จะหลีกหลีกเลี่ยงความงงงวย ในฐานะเจ้าของวัฒนธรรมของศิลปะการป้องกันตัวแล้วก็ในฐานะเจ้าภาพ”

“พวกเราได้ทำงานอย่างหนักเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเราที่จะใช้คำนี้ในการแข่งขัน เรามั่นใจว่าการจัดการแข่งขันซีเกมส์จะประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับชื่อกุน ขแมร์ ซึ่งเป็นเรื่องของเกียรติแล้วก็ความเคารพต่อราชอาณาจักร”

ขณะเดียวกันนี้ ทางฝั่งกัมพูชายังเปิดเผยว่ามี 4 ชาติให้การยอมรับแล้ว ประกอบด้วย เวียดนาม, ลาว, ติมอร์ เลสเต รวมทั้ง กัมพูชา ผู้จัดงาน ซึ่งจัดว่าครบ 4 ชาติตามกฎหมายธรรมนูญของสหพันธ์ซีเกมส์เรียบร้อยแล้ว

“กุน ขแมร์” คืออะไร
กุน ขแมร์(Kun Khmer) เป็นกีฬาต่อสู้ที่มีบ้านเกิดในประเทศกัมพูชา ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Kbach Kun Pradal Khmer ในภาษาเขมร ซึ่งหมายถึง “การต่อสู้อย่างอิสระ” โดยทางกัมพูชากล่าวถึงว่ากุน ขแมร์ คือศิลปะการต่อสู้ที่มีมาอย่างยาวนาน แล้วก็ฯลฯตำรับของการต่อสู้อย่าง “มวยไทย” อีกด้วย

ส่วนกติกาการแข่งขันกุน ขแมร์ ใช้กติกาเสมือนมวยไทยสมัครเล่นทุกอย่าง ออกอาวุธได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งต่อย 3 ยกแบบเดียวกัน แต่ที่ผ่านมาไม่มีการจัดแข่งในซีเกมส์มาก่อนเนื่องด้วย กัมพูชา พึ่งได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพครั้งแรกในคราวนี้ โดยที่ผ่านมาในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ จะใช้คำว่า “มวย” สำหรับการแข่งขันมวยไทยหรือคิกบ็อกซิ่งมาตลอด

เสียงสะท้อนจากฝั่งไทย

มีกล่าวว่า สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าจะไม่ส่งนักกีฬา เข้าร่วมการแข่งขันคราวนี้ เพราะว่าที่ผ่านมาในซีเกมส์มีการตกลงกันไว้แล้วว่าให้ใช้ชื่อ “มวย” และสาเหตุสำคัญคือเจ้าของงานไม่ได้ให้ สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (อีฟม่า-IFMA) เข้ามาจัดการแข่งขัน เท่ากับว่า กุน ขแมร์เป็นกีฬาที่ไม่ถูกรับรองโดยสหพันธ์กีฬานานาชาติที่ถูกต้อง

ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการเปิดเผยว่า กัมพูชา ได้นำ “เทคนิเคิล แฮนด์บุ๊ก” ของไทย ซึ่งเป็นคู่มือการแข่งขันไปใช้ทั้งหมด เท่ากับว่ากติกาทุกอย่างเหมือนกันทุกประการ ต่างกันแค่เปลี่ยนชื่อจาก มวย เป็นกุน ขแมร์ เท่านั้น ซึ่งสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) และ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ทำหนังสือแจ้งไปแล้วว่าถ้าจะจัด “กุน ขแมร์” ต้องมีคำว่ามวย ในวงเล็บ แล้วก็ให้ อีฟม่า รับรอง แต่ทางฝั่งผู้จัดงานก็ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม

ขณะที่สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ก็ประกาศยืนยันในทิศทางเดียวกันว่า กีฬามวยไทยรวมทั้งคิกบ็อกซิ่งในซีเกมส์จะต้องใช้ชื่อ “มวย” เท่านั้น เนื่องจากว่าแม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อไปแต่กติกาของกีฬาชนิดนี้ทุกอย่างยังคงราวกับมวยไทย พร้อมประกาศเหตุว่า แม้ชาติใดส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันรายการดังกล่าว ก็จะถูกแบนจากแมตช์ที่ อีฟม่า รับรองอย่างแน่นอน

ก็เลยต้องติดตามกันว่าสุดท้ายแล้ว กุน ขแมร์จะได้จัดการแข่งขันในซีเกมส์คราวนี้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีเพียงแค่ 3 ประเทศที่ประกาศว่าจะส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และก็ เมียนมา แต่ตามกฎของสหพันธ์ซีเกมส์แล้วกีฬาแต่ละชนิดจะต้องมีประเทศเข้าร่วมแข่งอย่างน้อย 4 ชาตินั่นเอง